เริ่มต้นปีใหม่ 2567 รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง ด้วยการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศ ตามจำนวนจ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท เฉพาะที่ได้รับ e-Tax Invoice หรือ e-Receipt เท่านั้น โครงการนี้เรียกว่า "อี-เท็กซ์ 2567" (Easy E-Receipt) โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567
ผู้ที่จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้จะต้องเป็นผู้มีเงินได้ ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล) และจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
หลักฐานในการลดหย่อนภาษีจะต้องเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ที่ออกโดยร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะต้องระบุข้อมูลต่อไปนี้
ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นร้านค้าที่ออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ผ่านระบบของกรมสรรพากร ซึ่งสามารถตรวจสอบรายชื่อร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้จากเว็บไซต์ของกรมสรรพากร
โครงการอี-เท็กซ์ 2567 มีประโยชน์ทั้งต่อผู้ซื้อสินค้าหรือบริการและต่อภาครัฐ โดยประโยชน์ต่อผู้ซื้อสินค้าหรือบริการมีดังนี้
ประโยชน์ต่อภาครัฐมีดังนี้
โครงการอี-เท็กซ์ 2567 เป็นโครงการที่คุ้มค่าสำหรับทั้งผู้ซื้อสินค้าหรือบริการและต่อภาครัฐ โดยผู้ซื้อสินค้าหรือบริการสามารถประหยัดภาษีได้สูงสุดถึง 50,000 บาท และเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศอีกด้วย
โครงการอี-เท็กซ์ 2567 มีจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้
ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการที่ประสงค์จะลดหย่อนภาษีจะต้องเก็บรักษาใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ที่ออกโดยร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการไว้เป็นหลักฐาน โดยสามารถยื่นขอคืนภาษีได้เมื่อยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี
สำหรับวิธีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี สามารถยื่นผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร หรือยื่นผ่านศูนย์บริการสรรพากรใกล้บ้าน
รายละเอียดโครงการ ดูที่นี่ Q&A_Easy_E-ReceiptUpdate11012567