ขนาดสินค้ารวมบรรจุภัณฑ์ | (กxยxส) 12.9x18.5x1.2 ซม. |
น้ำหนักรวมบรรจุภัณฑ์ | 0.207 กก. |
หนังสือ สถานีต่อไป… มาโฮโรชิ ท่านผู้โดยสารสามารถย้อนกลับไปเลือกเส้นทางชีวิตใหม่ได้ที่นี่
เรื่องย่อ สถานีต่อไป… มาโฮโรชิ ท่านผู้โดยสารสามารถย้อนกลับไปเลือกเส้นทางชีวิตใหม่ได้ที่นี่ สถานีรถไฟมาโฮโรชิ คือสถานีรถไฟที่จะพาคุณ
ย้อนกลับไปยังทางแยกของชีวิต เพื่อให้คุณได้เลือกเส้นทางที่ไม่ได้เลือกในอดีตจนคุณรู้สึกเสียใจในภายหลังเป็นอย่างมากและได้ลองใช้ชีวิต
ในอีกทางเลือกหนึ่งนั้น แต่การจะเดินทางมาถึงสถานีมาโฮโรชิได้มีเงื่อนไขด้วยกันสามข้อ คือ ข้อที่หนึ่ง คุณจะต้องรู้สึกเสียใจในภายหลังอย่าง
รุนแรงต่อเส้นทางชีวิตที่เลือกมาจนอยากย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่ ข้อที่สอง คุณจะต้องขึ้นรถไฟสายโซบุที่วิ่งผ่านต้นเคยากิขนาดใหญ่ตรงบริเวณ
สะพานข้ามแม่น้ำอารากาวะกับแม่น้ำนากางาวะ ข้อที่สาม วันที่เดินทางจะต้องเป็นเวลากลางคืนที่มีพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้นเมื่อเงื่อนไขครบ
ทั้งสามข้อ คุณก็จะมาถึงสถานีมาโฮโรชิและได้พบกับเจ้าหน้าที่สถานีประจำเดือนที่คุณมาเยือน ทว่ามีสิ่งสำคัญที่คุณต้องรู้อีกหนึ่งเรื่องนั่นคือ
ถึงจะได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต กลับไปยังจุดที่เป็นทางแยกของชีวิตและเลือกเส้นทางที่คุณไม่ได้เลือกในตอนนั้น ชีวิตในปัจจุบันของคุณ
ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป การย้อนกลับไปใช้ชีวิตในอีกเส้นทางหนึ่งนี้ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับโลกแห่งความจริง และเมื่อคุณสัมผัสกับชีวิตใน
อีกทางเลือกจนถึงจุดที่พอใจแล้วคุณก็จะได้กลับมายังสถานีมาโฮโรชิอีกครั้ง หลังจากกลับมายังโลกความเป็นจริงแล้วผู้โดยสารที่เคยมายัง
สถานีมาโฮโรชิแห่งนี้จะต้องมารับหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่สถานีในเดือนถัดไป ในเล่มประกอบด้วยเรื่องราวของคน 5 คนที่รู้สึกเสียใจภายหลัง
อย่างรุนแรงและได้รับโอกาสให้ย้อนกลับไปยังทางแยกของชีวิตเพื่อสัมผัสชีวิตในอีกเส้นทางที่พวกเขาไม่ได้เลือกในอดีต บทที่ 1 ถ้าตอนนั้น
สารภาพรัก ทานากะ โนโบรุ เสียใจในภายหลังอย่างรุนแรงที่วันจบการศึกษาระดับชั้น มัธยมปลายเขาไม่ได้สารภาพรักกับ อิวาซากิ ซุมิเระ
เพื่อนร่วมชั้นที่เขาแอบชอบมานาน แม้ว่าในปัจจุบันเขาจะแต่งงานกับ ฮานาโยะและมีลูกด้วยกันถึงสี่คน แต่หลังจากแต่งงานแล้วฮานาโยะ
ก็เปลี่ยนไป เธอเสียงดังขึ้น น้ำหนักมากขึ้น แม้ว่าเธอจะช่วยเขาทำมาหากินและเลี้ยงลูก แต่ครอบครัวนี้ก็ไม่ได้ร่ำรวยมาก แถมการใช้ชีวิต
ในบ้านที่มีเด็กสี่คนก็ทำให้เขาไม่มีเวลาส่วนตัวเลย เขาจึงได้แต่จินตนาการถึงชีวิตที่แตกต่างออกไปจากนี้ และการได้พบกับซุมิเระอีกครั้ง
ในงานร่วมรุ่น รวมถึงได้รู้ว่าเธอเองก็เคยชอบเขายิ่งทำให้ความรู้สึกเสียใจในภายหลังของทานากะยิ่งรุนแรงขึ้น เย็นวันศุกร์ หลังทานากะเลิกงาน
เขาก็นั่งรถไฟเพื่อกลับบ้าน ทานากะคิดถึงแต่คำพูดของซุมิเระที่บอกกับเขาว่าเธอเองก็เคยชอบเขาเหมือนกัน เขาบอกกับเธอว่าน่าจะบอกกัน
ให้เร็วกว่านี้ และเธอก็เปรยออกมาว่าถ้าบอกเร็วกว่านี้จะเป็นยังไงนะ คำพูดนั้นติดอยู่ในหัวทานากะจนเขาเผลอจินตนาการถึงการสารภาพรัก
รถไฟวิ่งไปเรื่อยๆ มาถึงบริเวณสะพานซึ่งพาดผ่านอยู่เหนือแม่น้ำอารากาวะกับแม่น้ำนากางาวะ คืนนั้นพระจันทร์เต็มดวงส่องแสงสว่างไสว
แล้วอยู่ๆ ก็เหลือเพียงเขาคนเดียวในรถไฟ พอรถไฟหยุดวิ่ง เขาก็มาถึงสถานีมาโฮโรชิแล้ว เจ้าหน้าที่สถานีอธิบายกับเขาว่า “ที่นี่คือสถานี
มาโฮโรชิ สถานีทางแยกของชีวิต” ก่อนจะอธิบายเงื่อนไขในการมาถึงสถานีและบอกกับเขาว่า เขาสามารถย้อนกลับไปยังทางแยกของชีวิต
และเลือกเส้นทางชีวิตใหม่ได้ โดยการเลือกนี้จะไม่กระทบกับชีวิตในโลกความจริงปัจจุบันของเขา เมื่อทานากะตกลง เขาก็กลับขึ้นรถไฟและ
อธิษฐานว่า อยากย้อนกลับไปวันพิธีจบการศึกษาชั้นมัธยมปลายวันนั้น กลับไปตอนที่นั่งรถไฟขบวนนั้นและไม่กล้าสารภาพรักกับอิวาซากิซัง...
ทันใดนั้นรถไฟก็เริ่มเคลื่อนตัวและในไม่ช้าขบวนรถก็เข้าไปในอุโมงค์ เมื่อโผล่ออกมาจากอุโมงค์เขาก็ย้อนกลับมายังอดีตในวันพิธีจบการศึกษา
ทานากะกลับมาอยู่ในขบวนรถไฟ อิวาซากิ ซุมิเระคนนั้นอยู่ในชุดนักเรียนคอปกกะลาสี เธอนั่งอยู่ตรงที่นั่งฝั่งตรงข้ามถือกระบอกบรรจุ ใบประกาศ
นียบัตรจบการศึกษาเช่นเดียวกับเขา มันเป็นวันนั้นที่ทานากะจะสารภาพรักแต่ไม่กล้าพอ ทว่าวันนี้เขาจะตัดสินใจใหม่ วันนี้เขาจะสารภาพรักกับเธอ
ให้ได้ ในจังหวะที่รถไฟหยุดลงที่ชานชาลา และซุมิเระกำลังจะลงที่สถานีนี้ ทานากะก็เรียกเธอไว้แล้วสารภาพรักออกไป และเป็นอย่างที่เขาคิดไว้
ซุมิเระเองก็บอกว่าเธอชอบเขาเช่นกัน ทำให้ทั้งคู่ได้คบกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา โลกอดีตที่ดำเนินไปตามตัวเลือกอีกแบบบนทางแยกนี้ก็มีตอนต่อไป
หลังสารภาพรักกับอิวาซากิซังสำเร็จและได้คบกันแล้ว พวกเขาก็คบหากันอย่างยาวนานและราบรื่น พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกัน หลังเรียนจบจาก
มหาวิทยาลัย ทานากะก็เริ่มทำงานในบริษัทที่หวังไว้เป็นอันดับหนึ่งซึ่งสมัครไม่ผ่านในโลกความเป็นจริง จนกระทั่งอายุ 27 ปี เขาก็ได้แต่งงาน
กับซุมิเระ ชีวิตหลังแต่งงานของเขามีความสุขอย่างแท้จริง ซุมิเระทั้งทำอาหารเก่ง ทั้งสวยแม้ว่าจะแต่งงานกับมานานแล้วก็ตาม เขารู้สึกประหลาดใจ
เพียงการเลือกว่าจะสารภาพรักหรือไม่ แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงกระทั่งกับอาชีพการงานและการแต่งงานซึ่งเป็น
ตัวกำหนดเส้นทางชีวิตที่จะตามมา ทว่าช่วงที่เริ่มเห็นลางไม่ดี ก็คือตอนเข้าสู่วัย 35 ปี ทานากะพบว่าเขาไม่มีเงินเก็บเลยทั้งที่ไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหรา
ฟุ่มเฟือย รวมถึงเขากับซุมิเระไม่ได้มีลูกด้วยกัน แต่ไม่นานเหตุผลนั้นก็กระจ่าง สาเหตุมาจากนิสัยใช้เงินสิ้นเปลืองที่ซุมิเระปกปิดไว้ แต่เรื่องนั้น
ก็ยังไม่น่าตกใจเท่าการได้รู้ว่าอาหารที่ซุมิเระทำนั้น แท้จริงเธอซื้อมันมาจากโซนขายอาหารในชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้า ซุมิเระมาขอโทษผม
ทั้งน้ำตา จากนั้นกล่าวว่านับจากนี้ไปจะกลับตัวกลับใจและพยายามตั้งใจทำอาหาร ทานากะ จึงให้อภัย ทั้งยังรู้สึกว่าการได้เห็นข้อบกพร่องของเธอ
กลับทำให้รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วยซ้ำความกังวลใจที่มีค่อยๆ เลือนลางไปจนกระทั่งทานากะไปเจอซุมิเระในร้านปาจิงโกะ เธอกำลังสนุกอยู่กับการ
เล่นปาจิงโกะด้วยท่าทางคล่องแคล่วทั้งยังสูบบุหรี่อีกต่างหาก พอเธอกลับมาเขาก็เค้นถามความจริง ซุมิเระขอโทษทั้งน้ำตาอีกครั้งและบอกว่าจะ
อุทิศตนให้กับกิจกรรมอาสาสมัครและการทำเทียนหอมแทน เขาจึงตัดสินใจลบเรื่องนี้ไปจากสมอง และทั้งๆ ที่เกือบจะลืมเรื่องนี้ไปได้แล้ว อยู่ๆ
วันหนึ่งเขาก็พบว่า ซุมิเระนอกใจ ทานากะไปเห็นซุมิเระเดินควงแขนกับผู้ชายอายุไล่เลี่ยกันเข้าจึงจ้างนักสืบให้ลองตรวจสอบ แล้วก็พบว่าอีกฝ่าย
เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมต้น ดูเหมือนจะเจอกันในงานเลี้ยงรุ่นและการพบกันที่นั่นก็กลายเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เพียงแค่ได้ฟังเขาก็
เข้าใจทุกอย่าง ซุมิเระคงจะพูดจาแบบเดียวกับที่พูดกับเขาในโลกความจริงว่าสมัยเรียนเธอเคยแอบชอบด้วย นั่นคงเป็นประโยคประจำตัวของเธอ
และเขาก็เผลอเชื่อคำพูดนั้นจนหมดใจชีวิตของทานากะเปลี่ยนไปหลังจากรู้เรื่องนี้ เขารู้สึกถึงความโดดเดี่ยวและอดเปรียบเทียบกับชีวิตจริงที่
แต่งงานกับฮานาโยะและมีลูกด้วยกันถึงสี่คนไม่ได้ ตอนนั้นเองที่เขานึกถึงฮานาโยะขึ้นมาและสงสัยว่าเธอใช้ชีวิตแบบไหนอยู่หากไม่ได้แต่งงาน
กับเขา ทานากะจึงออกตามหาฮานาโยะโดยเริ่มจากที่ทำงานของเธอ แต่กลับไม่พบเบาะแสอะไร ในใจเขาเกิดรู้สึกกลัวขึ้นมาว่าฮานาโยะใช้ชีวิต
ในโลกแห่งทางเลือกอีกทางนี้อย่างมีความสุขมากกว่าในโลกแห่งความเป็นจริงและถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะทำอย่างไรดี และอีกส่วนในใจก็รู้สึกผิดด้วย
ขณะกำลังครุ่นคิดเรื่องต่างๆ ฝนเม็ดใหญ่เริ่มตกลงมาจากท้องฟ้า ในตอนนั้นเองเขาก็ได้พบกับฮานาโยะ เธอแต่งตัวดูดีมีราศีอย่างยิ่ง แถมถือร่ม
ที่หรูหราราคาแพงอีกด้วย รูปลักษณ์ของเธอเหมาะกับการเรียกขานว่าคุณนายจากสักตระกูล ที่ข้างกันนั้นมีผู้ชายตัวสูงแต่งชุดสูทอย่างประณีต
ฮานาโยะกำลังเดินตามหลังชายผู้ดูดีมากคนนั้นด้วยระยะห่างกันอยู่ครึ่งก้าว ทานากะจึงเดินทางเธอไปพอได้เห็นว่าชายคนนั้นปฏิบัติกับฮานาโยะ
อย่างหยาบคาบและได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยวเหงาของฮานาโยะที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทานากะก็อดไม่ได้ที่จะแทรกเข้าไป เขาทะเลาะกับผู้ชายคนนั้น
ที่ยืนเคียงข้างฮานาโยะ ถูกผลักล้มลงกับพื้นจนเปียกไปทั้งตัวหลังจากฮานาโยะกับชายคนนั้นจากไปแล้ว ทานากะก็ได้แต่นั่งอยู่กับพื้นเช่นนั้น
เขารู้สึกสิ้นหวังและโทษตัวเองที่โหยหาเรื่องในอดีตเช่นนี้ ระหว่างกำลังคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ จู่ๆ ฮานาโยะก็มายืนอยู่ข้างๆ แล้วถามว่า
เป็นอะไรหรือเปล่า ใบหน้าที่ดูไร้สุขของฮานาโยะทำให้ทานากะถามออกไปว่าตอนนี้เธอมีความสุขหรือเปล่า เธอตอบเขาว่ามีความสุขแต่
ย่นจมูกขณะตอบ ซึ่งนั่นคือท่าทางที่เธอมักจะทำเวลาโกหก และมันแปลว่าเธอไม่มีความสุข จากนั้นเธอก็ยื่นร่มออกมากันฝนให้เขาตอนนั้นเอง
ทานากะก็พูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรครับ ขอแค่ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว การเปียกฝนก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายแล้ว” ฮานาโยะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
จากนั้นจึงค่อยๆ หุบร่ม เธอจ้องทานากะแล้วบอกกับเขาว่าไม่รู้ทำไม แต่พอมองคุณแล้วรู้สึกผูกพันขึ้นมา เสียงฟ้าร้องและสายฝนทำให้ทานากะ
นึกขึ้นได้ว่าคำขอแต่งงานของเขาคือ ‘ช่วยมาเปียกฝนด้วยกันกับผมได้ไหมครับ’ พอคิดได้แล้วเขาก็ได้แต่ขอโทษเธอในใจว่า ได้โปรดยกโทษ
ให้ผมผู้โง่เง่าที่ลืมเรื่องสำคัญแบบนี้มาตลอดจนถึงเมื่อกี้ด้วยเถอะ คราวนี้จะรีบทำให้ใบหน้านั้นมีรอยยิ้มให้ได้เลยคอยดู จากนั้นก็ถามเธอว่า
“ช่วยมาเปียกฝนด้วยกันกับผมได้ไหมครับ...”ทานากะกลับมายังสถานีมาโฮโรชิอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาได้คำตอบให้กับชีวิตตัวเองแล้ว ทานากะ
เพิ่งตระหนักถึงความสำคัญของครอบครัวตัวเอง เวลาส่วนตัวที่เคยอยากได้ พอได้มาแล้วก็พบว่าเขาไม่อาจทนอยู่ตัวคนเดียวได้อีกต่อไป
พอเขาได้พบกับฮานาโยะและสัมผัสความอบอุ่นนั้นอีกครั้งในโลกทางเลือกนั้น เขาก็นึกอยากกลับมาสู่โลกปัจจุบันจากก้นบึ้งของหัวใจ ดังนั้น
ในวินาทีที่ขอแต่งงานอีกรอบ ทานากะจึงได้กลับมายังสถานีมาโฮโรชิแห่งนี้นั่นเอง เจ้าหน้าที่สถานีจึงกล่าวสิ่งหนึ่งกับทานากะผู้ผ่านเรื่องราว
เช่นนั้นมาว่า “แทนที่จะนับจำนวนสิ่งที่ไม่มีทางได้มาอีกแล้วในอดีต มานับจำนวนสิ่งสำคัญที่อยู่ตรงหน้าในปัจจุบันดีกว่าไหมคะ” หลังจากนั้น
ทานากะก็กลับบ้านไปพบกับครอบครัวของตัวเอง บทที่ 2 ถ้าตอนนั้นสอบติดมหาวิทยาลัยที่อยากเข้าที่สุด โมริโนะ นาโอโกะ ไม่สนุกกับชีวิต
มหาวิทยาลัยเพราะเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่อยากเข้าไม่ได้และนั่นกลายเป็นปมในใจของเธอ สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ยิ่งรุนแรงขึ้นในความรู้สึก
ของเธอก็คือ ยูอิ น้องสาวแท้ๆ ของเธอดันสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นได้ นาโอโกะอดคิดไม่ได้ว่ายูอิทำแบบนั้นเพราะต้องการเยาะเย้ยเธอ
ความอิจฉาและโกรธเคืองทำให้เธอกับยูอิยิ่งห่างเหินกัน นาโอโกะอยากสลัดความรู้สึกหลายอย่างทิ้งไป แต่สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวของนาโอโกะ
ก็ยังคงเป็นเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยซึ่งเธอพยายามอย่างหนักที่จะไม่คิดถึงมันแล้วอยู่นั่นเอง ระหว่างนั่งรถไฟกลับบ้านเธอก็นึกถึงการ์ตูน
อนิเมชั่นที่ชอบ เป็นเรื่องที่ตัวเอกได้รับพลังพิเศษในการข้ามเวลาและแก้ไขอดีตได้จากเหตุบังเอิญ ถ้าทำได้นาโอโกะเองก็อยากข้ามเวลาบ้าง
และหากเป็นอย่างนั้นเธอคงจะย้อนอดีตกลับไปสอบเข้าใหม่และได้ใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยอย่างที่วาดฝันไว้ รถไฟวิ่งต่อไปอย่างเชื่องช้าจนในที่สุด
ก็หยุดลงตรงหน้าสถานีซึ่งมีแสงไฟส่องสว่างอย่างนวลตา ป้ายตรงนั้นเขียนไว้ว่า สถานีมาโฮโรชิทานากะ (ตัวละครหลักจากบทที่ 1) แนะนำตัว
ว่าเจ้าหน้าที่สถานีประจำเดือนพฤษภาคม เขาอธิบายเรื่องเงื่อนไขของสถานีรถไฟให้เธอฟัง นาโอโกะฟังแล้วจึงตัดสินใจว่าอยากลองย้อนกลับไป
ยังทางแยกในอดีตของตัวเอง พอเธอกลับขึ้นรถไฟและนั่งลงก็ยกมือขึ้นจับตุ๊กตาหมีบนกระเป๋าเป้ มันเป็นตุ๊กตาหมีที่แม่ของเธอเย็บให้ในวันสอบ
เข้ามหาวิทยาลัย ตุ๊กตาตัวนี้เปรียบเสมือนเครื่องรางสำหรับนาโอโกะ นาโอโกะหลับตาลงและอธิษฐานอย่างแรงกล้าว่า ฉันอยากย้อนกลับไปวัน
ประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย และถ้าวันนั้นฉันสอบติดมหาวิทยาลัยที่อยากเข้าเป็นอันดับหนึ่งจะเป็นยังไง กันนะ... รถไฟเริ่มเคลื่อนตัววิ่งเข้าไป
ในอุโมงค์ พอรถไฟโผล่ออกมาเธอก็ย้อนมาในวันดูผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ในโลกแห่งทางเลือกนี้นาโอโกะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่อยากเข้าได้
และได้ใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยอย่างที่ฝันไว้ อีกทั้งยังได้เข้าชมรมภาพยนตร์อีกด้วย และที่นั่นเองเธอก็ได้เจอกับทากายะ ที่เรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์
ทั้งคู่คุยกันถูกคอและไปออกเดตกันในวันอาทิตย์ของสองสัปดาห์ต่อมา ในเย็นวันนั้นทากายะมาส่งเธอที่บ้านและจะเข้ามาจูบเธอ แต่เธอปฏิเสธ
ตอนนั้นเองที่นาโอโกะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังกังวลเรื่องของน้องสาวอยู่ที่ไหนสักแห่งในใจ ความสัมพันธ์ของเธอกับยูอิในโลกนี้เป็นไปอย่างราบรื่น
พวกเธอเป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก แต่ถึงอย่างนั้นนาโอโกะก็ยังอดแสดงท่าทีว่าตนเองอยู่เหนือกว่าน้องสาวด้วยการแนะนำเรื่องการสอบเข้า
มหาวิทยาลัยให้กับน้องไม่ได้ นาโอโกะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่ได้แนะนำออกไปเพราะหวังดีกับน้องสาวผู้กำลังพยายามอย่างแข็งขันในการสอบแต่เพราะ
เผลอหลงคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่านิดหน่อย ถึงอย่างนั้นนาโอโกะก็พบว่าตัวเองกระตือรือร้นกับทุกเรื่องทั้งเรื่องเรียน เรื่องงานพาร์ทไทม์ แถมยัง
ย้อมผมเป็นสีน้ำตาลเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์อีกต่างหาก ในโลกใบนี้เธอมีเพื่อนได้ไปเที่ยวกัน ความสัมพันธ์กับยูอิก็เป็นไปได้ดี การไปเที่ยวกับ
ยูอิทำให้นาโอโกะคิดถึงเรื่องในอดีตขึ้นมา ก่อนหน้านี้พวกเธอก็เคยไปเที่ยวเล่นด้วยกันแบบนี้ แต่สายสัมพันธ์นั้นเริ่มพังอย่างชัดเจนตั้งแต่เธอขึ้น
มัธยมปลายปีที่สองและน้องสาวเริ่มเข้าเรียนชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนเดียวกัน
ISBN : 9786168329511
ผู้แต่ง/ผู้แปล : ชิมิซุ ฮารุกิ
สำนักพิมพ์ : Glow
หน้า/จำนวนเล่ม : 208 หน้า
ชนิดปก : ปกอ่อน
เนื้อในพิมพ์ : ขาวดำ